วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557

ความท้าทายที่โรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส

                      หลังจากตัดสินใจออกจากหน้าที่ความรับผิดชอบในตำแหน่งวิศวกรภาคสนาม (Site Engineer)ของบริษัท วินิธร จำกัด เพื่อมาตามหาความรู้ทางศาสนาที่ปอเนาะ กำลังเรียนอย่างสนุกสนาน เนื้อหากำลังเข้มข้น ก็มีเพื่อนรุ่นพี่ที่เคารพนับถือคนหนึ่งแนะนำให้ไปสมัครงานที่ บริษัทปาล์มพัฒนาไบโอแก๊ส อันที่จริงก็รู้มาก่อนแล้วว่าที่บริษัทปาล์มพัฒนาไบโอแก๊สต้องการตำแหน่งวิศวกรไฟฟ้า แต่ไม่สนใจ ตั้งใจจะเรียนศาสนาให้เต็มที่เสียก่อน ชีวิตในตอนนั้นหลักๆคือเรียนเอาความรู้ศาสนา เรียนกีตาบ เรียนกุรอาน ส่วนงานรองอ่านหนังสือเตรียมสอบการไฟฟ้า โทอิค เป็นต้น ชีวิตก็ดำเนินอย่างนี้ไปเรื่อย แทบจะไม่มีเวลาว่างเพราะเอาเวลาว่างไปอ่านหนังสือสอบ เย็นๆก็มีเวลาเตะบอล งานไม่ทำแต่ก็ไม่มีปัญหาเรื่องเงิน เพราะอยู่ปอเนาะค่าใช้จ่ายน้อย เมื่อมีเพื่อนมาแนะนำให้ไปสมัครงานเป็นวิศวกรที่โรงงานใกล้ๆบ้าน แนวคิดใหม่ก็เริ่มเข้ามา ถ้าหากว่าทำงานควบคู่กับการเรียนมันเป็นอะไรที่หนักมาก อยากจะลองดูเหมือนกัน มันเป็นความท้าทาย ใจหนึ่งก็อยากเรียนศาสนาให้ได้ความรู้อย่างเต็มที่เสียก่อน แต่อีกใจหนึ่งก็อยากจะลองความท้าทายนั้นคือทำงานและเรียนศาสนาไปพร้อมกัน สุดท้ายเลือกความท้าทายเพื่อหาประสบการณ์เข้ามาในชีวิต นั้นก็หมายความว่าจะต้องเหนื่อยมากกว่าสองเท่า ก็รู้อยู่ว่าวันข้างหน้าต้องเจออะไรบ้าง เวลาพักผ่อน เวลาพบป่ะเพื่อนฝูง เวลาทำธุระส่วนตัว ทุกอย่างจะมีน้อยลง มีข้อดีอย่างเดียวคือมีเวลาทำเรื่องไร้สาระน้อยลง

ลักษณะบ่อหมักก่อนคลุมผ้าใบ

         30 พฤศจิกายน 2556 เป็นวันแรกที่ผมก้าวเท้าเข้ามาหาความท้าทายในบริษัทปาล์มพัฒนา ไบโอแก๊ส ตอนแรกผมเข้าใจว่าผมเข้ามารับตำแหน่งวิศวกรธรรมดาๆคนหนึ่งดูแลควบคุมระบบไฟฟ้าในโรงงานผลิตน้ำมันปาล์ม และคิดว่าลักษณะงานคงจะเป็นการดูแลควบคุมระบบไฟฟ้าทั้งโรงงาน อาจจะมีการซ่อมไฟตามจุดต่างๆกรณีที่เกิดปัญหา หรือการซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ขัดข้อง เช่น ปั้มน้ำเป็นต้น ซึ่งคิดว่าพอที่จะรับภาระ ความกดดันในจุดนี้ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ต้องเป็นมากกว่านั่น ไม่ใช่เป็นวิศวกรโรงงาน แต่เป็นวิศวกรโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส และเป็นมากกว่าวิศวกรที่ต้องดูแลไฟฟ้าแรงต่ำ 230-400 โวลต์ และไฟฟ้าแรงสูง 33 กิโลโวลต์(33,000 โวลต์) นั้นคือ ต้องเป็นคนโอเปอเรต(Operate) ด้วย โอเปอเรต คือ อะไร? แล้วต้องทำอย่างไรบ้าง?ก็ยังไม่รู้เลย...พรุ่งนี้นี้เรามารู้จักคำว่า "โอเปอเรต" กัน
                   โอเปอร์เรต (Operate) คำว่า Operate ในภาษาอังกฤษแปลว่า ปฎิบัติ หรือปฎิบัติงาน หรือ ปฎิบัติการ หรือก่อให้เกิดผล นั้นคือความหมายของคำทางหลักภาษา แต่ความหมายทางตำแหน่งหน้าที่การงาน คือ ผู้ที่ปฎิบัติและควบคุมงานทั้งระบบ ถ้าจะเปรียบเทียบเพื่อให้มองเห็นภาพ หัวหน้าฝ่ายบริหาร คือ ผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายปฎิบัติ คือ โอเปอร์เรต การโอเปอร์เรตโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส คือการนำน้ำเสียจากโรงงานมาหมักเป็นก๊าซชีวภาพ จากน้ำเสียกว่าจะได้ออกมาเป็นก๊าซต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน เช่น การลดอุณหภูมิน้ำเสียจากโรงงาน การควบคุมความเป็นกรด-ด่าง (pH) อุณหภูมิภายในบ่อ การเลี้ยงเชื้อแบคทีเรีย การทำความสะอาดก๊าซ การคัดแยกก๊าซเพื่อให้ได้ก๊าซมีเทน การลดความชื้นของก๊าซ การอัดความดันก๊าซ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดต้องปฎิบัติงานอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อไม่ให้ระบบล่ม ถ้าระบบล่มขึ้นมาก็ต้องนับศูนย์กันใหม่ กว่าระบบจะเสถียรและได้ก๊าซขึ้นมาใหม่ก็ต้องใช้เวลาหลายเดือน ในเมื่อไม่มีก๊าซป้อนเข้าสู่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก็ต้องหยุดเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า บริษัทก็จะขาดรายได้ ถ้าขาดรายได้เป็นเดือนก็จะขาดทุน อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นลำดับแรก การทำงานกับแก๊สมีความเสี่ยงมาก พร้อมที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อถ้าอยู่ในความประมาท หรือถ้าไม่ประมาทก็อาจเกิดได้เช่นกันเพราะมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เช่นฟ้าผ่า อุปกรณ์ชำรุด เป็นต้น อุบัติเหตุแต่ละครั้งอาจถึงขั้นรุนแรงถึงรุนแรงมาก เพราะมีแก๊สมหาศาลที่พร้อมจะระเบิด รัศมีการระเบิดอาจกินพื้นที่เป็นร้อยๆเมตร นอกจากเรื่องไบโอแก๊สแล้วยังมีเรื่องระบบไฟฟ้าที่จะต้องดูแล ทั้งระบบไฟฟ้าแรงสูง และไฟฟ้าแรงต่ำ โดยเฉพาะไฟฟ้าแรงสูงที่ต้องใช้เทคนิคทางวิศวกรรมมาควบคุม วันไหนมีการฟอลต์(ลัดวงจร)เกิดขึ้น วันนั้นผู้ดูแลควบคุมหัวหมุนแทบตาย ทั้งเรื่องการหาสาเหตุการฟอลต์ ซึ่งมีหลายสาเหตุ เช่น อันเดอร์/โอเวอร์โวลเตจ (Under/Over Voltage) อันเดอร์/โอเวอร์เคอร์เรนท์ (Under/Over Current) อันเดอร์/โอเวอร์ฟรีเควนซี่ (Under/Over Frequency) ไดเรกชันนอลโอเวอร์เคอร์เรนท์ (Directional Over Current) ทรีเฟสฟอลต์ (Three phase fault) ซิงเกิ้ลไลน์ ทู กราวนด์ ฟอลต์ (Single line to ground fault) เป็นต้น การประสานงานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อซิงค์เข้าระบบ ส่วนงานที่รับเพิ่มมาล่าสุด คือ ต้องดูแลคนงานต่างชาติ(พม่า กัมพูชา) ลำพังดูแลชีวิตตัวเองก็ไม่รอด ต้องมานั้งท่องชื่อ หัดพูด เพื่อจ่ายงานให้พวกเขาทำ
                     ความท้าทายมันอยู่ตรงที่ขอบเขตงานที่กว้างและหน้าที่ความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวง จะแบกรับภาระหน้าที่และความรับผิดชอบต่างๆได้หรือไม่ จะผ่านไปได้ไหม จะไหวสักกี่เดือน ทุกอย่างมันก็อยู่กับตัวเราคนเดียวที่จะจัดการตัวเองอย่างไร งานยากงานหนักเป็นเครื่องมือวัดคุณภาพคน ต่อไปคงได้นำทฤษฎีโจโฉนำออกมาใช้แล้วล่ะ
.
.
.
                เล่าถึงเรื่องส่วนตัวเยอะแล้ว บทความต่อไปจะเขียนเรื่อง โรงไฟฟ้าพลังงานไบโอแก๊ส เพื่อเป็นบทความต่อเนื่องจากบทความนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น